เหรียญนี้...ที่ครูให้
เมื่อครูได้ทราบข่าวจากเขตพื้นที่การศึกษาว่าศิษย์น้อยๆของครูได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนไปแข่งขันทักษะทางด้านวิชาการกลุ่มสาระวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรม E-book ช่วงชั้นที่ 2 ระดับภาคที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ความรู้สึกตื่นเต้นประหม่ากดดันและเครียดประเดประดังกันมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ขึ้นชื่อว่าครูแล้วต้องสามารถและทำได้ทุกอย่างถึงแม้ว่าตัวครูเองจะจบแค่ปริญญาตรีวิชาเอกภาษาไทยก็ตามที วันที่เดินทางไปเข้าแข่งขันครูรู้สึกเครียดอย่างบอกไม่ถูก เมื่อครูนำนักเรียนเข้าไปทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวกันและสอบถามกันเป็นการใหญ่เพราะศิษย์รักของครูทั้งสามคนเป็นนักเรียนแค่ชั้น ป.4 เป็นทีมที่อายุอ่อนสุดและตัวเล็กกว่าใครเพื่อน (ช่วงชั้นที่ 2) ครูที่ปรึกษาของทีมอื่นๆจึงได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ หลายๆทีมนำอุปกรณ์เสริมหลากหลายชนิดมา แต่ตัวครูเองไม่ทราบเพราะไม่เคยเข้าร่วมแข่งขันจึงไม่ได้นำอะไรมาเลย(เอามาแต่ตัวโปรแกรมที่เข้าแข่งขัน) ใจของครูเริ่มห่อเหี่ยวแต่ก็พยายามฝืนยิ้มให้ศิษย์ด้วยหน้าตาที่คิดว่าสดใสที่สุดเท่าที่จะทำได้ ศิษย์ทั้งสามหันมายิ้มตอบด้วยความมั่นใจ เมื่อแต่ละเครื่องลงโปรแกรมและทำงานไปได้ประมาณ 15 นาที กรรมการท่านหนึ่งเดินสะดุดปลั๊กเครื่องคอมของทีมศิษย์ของครู(ครูนั่งดูจากตู้กระจกซึ่งสามารถมองเห็นด้านหลังของคอมพิวเตอร์ทุกตัว) ใจของครูหล่นวูบไปตามกระแสไฟฟ้า กรรมการท่านที่สะดุดไม่ได้หันมามองดูในสิ่งที่ตนกระทำและเดินผ่านเลยไป ครูและแม่กา(แม่ของน้องกั๊ก)ยืนมองด้วยใจกระสับกระส่ายเวลาผ่านเลยไปสิบนาทีครูกับแม่กามองหน้ากันแล้วครูรีบตัดสินใจเคาะกระจกขออนุญาตเข้าไปในห้องแข่งขัน ครูเรียนให้กรรมการทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น กรรมการจึงทำการแก้ไขให้อย่างเร่งด่วน ศิษย์น้อยๆของครูเริ่มต้นลงโปรแกรมและทำงานใหม่อย่างตั้งใจทุกครั้งที่ครูและแม่กาหันไปมองด้วยความเป็นห่วง ศิษย์ทั้งสามรีบยกนิ้วทำท่าสู้ตายให้ครูดูพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานสุดขีดมาให้ครูอย่างประจบประแจง ครูหันไปมองหน้าแม่กาและยิ้มให้กันด้วยน้ำตาคลอเบ้า ศิษย์รักของครูรู้ไหมจ๊ะครูแอบให้เหรียญทองจากใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ลูกเจอปัญหาแล้วล่ะ ถึงแม้วันนี้ลูกจะไม่ชนะใคร แต่ลูกชนะใจครูตลอดเวลา สักพักกรรมการท่านเดิมเดินผ่านเครื่องของทีมศิษย์ของครูและสะดุดคอมไปแรงๆอีกหนึ่งครั้ง ครูและแม่การีบยกมือพนมอย่าให้คอมดับอีกเลยคราวนี้เกิดปาฏิหารย์คอมไม่ดับเหมือนครั้งแรกครูและแม่กาจึงโล่งอกไปตามกัน พอลูกๆทำงานไปประมาณชั่วโมงครึ่ง(กรรมการให้เวลาทำงานทั้งหมดสามชั่วโมง) ลูกๆส่งสัญญาณบอกใบ้ครูและแม่กาว่าลูกทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้ save ครูและแม่การีบยกหัวแม่มือชมลูกว่าเก่งลูกๆยิ้มร่าด้วยความดีใจภายในเสี้ยววินาทีคอมของลูกดับวูบไปพร้อมๆกับทีมพัทลุง ครูเหลือบตาไปมองดูนาฬิกาด้วยนำตาคลอเบ้าพร้อมที่จะไหลลงมาสู่ร่องแก้มได้ตลอดเวลา เวลายังเหลืออีกแค่หนึ่งชั่วโมงกับยี่สิบนาที ลูกๆจากทีมพัทลุงตกใจลนลานมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูกเพราะข้อมูลหายเกลี้ยง ลูกศิษย์ตัวน้อยของครูหน้าซีดเผือดเพราะข้อมูลหายเกลี้ยงเช่นกัน ครูหันไปส่งสัญญาณว่าไม่เป็นไรและให้สู้ตายไม่ต้องกลัวลูกยิ้มให้ครูอีกครั้งด้วยสายตาอ้อนวอนครูรู้ว่าลูกต้องการกำลังใจทั้งๆที่ครูและแม่กาน้ำตานองหน้าครูรีบวิ่งเข้าไปในห้องแข่งขันแล้วรีบเรียกคืนความมั่นใจให้ลูกๆ โดยเรียนให้กรรมการท่านทราบ ขอต่อเวลาและขอเปลี่ยนเครื่องใหม่ กรรมการไม่ได้พูดอะไรกับครูได้แต่เชิญให้ครูออกจากห้อง เมื่อครูออกมาพ้นห้องครูหันไปดูอีกทีกรรมการท่านเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้แต่หน้าจอคอมหันหน้าเข้าฝาผนังอีกด้านหนึ่งคราวนี้ครูไม่อาจทราบได้ว่าลูกทำงานเป็นเช่นไรครูกับแม่กาก็ได้แต่ภาวนากันในใจ เมื่อลูกลงโปรแกรมเสร็จลูกทั้งสามหันมายิ้มให้ครูและแม่กาพร้อมทั้งเริ่มทำงานกันอย่างรวดเร็วและฉับไว ครูและแม่กาตกใจน้ำตาครูไหลย้อนกลับเข้าข้างในโดยไม่อยากให้ใครรับรู้ ครูหันไปปลอบแม่กาว่าครูมั่นใจว่าลูกๆของครูทำงานเสร็จทันเวลาอย่างแน่นอน (ครูไม่ได้แค่ปลอบแต่ครูมั่นใจในตัวหนูจริงๆนะลูกรัก) ลูกทำงานไปสักพักใหญ่ๆแล้วหันมาทำมือสู้ตายพร้อมทั้งยิ้มสดใสแบบคนสู้ให้ครูดูทั้งสามคน ครูกับแม่กาหันมายิ้มกันอีกครั้งพร้อมทั้งน้ำตาที่ชุ่มตาอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่ครูหันไปมองลูก ลูกๆส่งผ่านความรักและกำลังใจให้ครูตลอดเวลาจนครูต้องแอบเพิ่มเหรียญให้ลูกอีกเป็นร้อยๆเหรียญ ครูคิดว่าความรัก กำลังใจ ความสามัคคีและความปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะแต่งเติมชีวิตคนให้เป็นคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ เหลือเวลาอีกประมาณสิบนาทีลูกชูมือไชโยแบบไร้เสียงให้ครู ครูและแม่การีบทำท่าตบมือยินดีให้กับลูกๆ ลูกๆทำท่าทางเต้นยึกยักด้วยความสบายใจและดีใจ ลูกขออนุญาตออกจากห้องแข่งขันครูพยักหน้ารับ เมื่อออกจากห้องลูกๆรีบวิ่งเข้ามาสวมกอดครูและแม่กาพร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่แข่งขันว่าง่ายและสามารถทำได้อย่างดีครูที่ปรึกษาทีมอื่นๆหันมามองและยิ้มให้ ครูรีบออกตัวและหันไปบอกพวกเขาว่าลูกดีใจที่ทำเสร็จทันเวลา เมื่อครูกลับมาถึงบ้านจึงได้ทราบข่าวว่าศิษย์คนเก่งของครูได้เหรียญทองแดงพวกเราดีใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้เหรียญทองที่ใครๆปรารถนาลูกศิษย์ของครูจะไม่ได้มาแต่เหรียญทองที่ครูมอบให้จากใจจากความรู้สึกของครูคนหนึ่งที่เห็นศิษย์ต้องฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคมากมาย และสุดท้ายครูและศิษย์คอยส่งผ่านความรักและกำลังใจให้แก่กันและกันอยู่ตลอดเวลา สายตาเศร้าๆที่ครูเห็น อารมณ์ที่ลูกๆตื่นเต้น เสียใจ และดีใจมันตรึงแน่นอยู่ในความทรงจำจนยากที่จะลืมเลือนไปจากใจของครูได้
ขอบคุณน้องกั๊ก น้องเหยี่ยว น้องบีม และแม่กา มากๆเลย
ด้วยรัก.........จากครูองุ่น
วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 14:00 1 ความคิดเห็น
วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552
แด่.....พ่อหลวงของปวงชน
ภาพพ่อหลวงเสด็จตามสถานที่ต่างๆ ทรงบุกป่าฝ่าดงถนนหนทางก็แสนจะลำบากยากเข็ญ ภาพเหงื่อที่ทรงท่วมพระวรกายและไหลลงสู่พระนาสิก ภาพพระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปรับดอกไม้เหี่ยวๆของคุณยายท่านหนึ่ง ภาพพระองค์ทรงเหนื่อยแล้วทรงนั่งพิงรถยนต์ที่ทรงประทับ ทุกภาพบอกเล่าถึงความรู้สึกที่ติดแน่นและซาบซึ้งอยู่ในความทรงจำของดิฉันตลอดเวลา ดิฉันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย พระองค์ทรงเป็น King of the kings in the world ซึ่งไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดเทียบเท่าพระองค์ได้เลย ทุกครั้งที่ดิฉันทราบข่าวว่าพระองค์ท่านทรงไม่สบาย ดิฉันก็คงเหมือนพสกนิกรของพระองค์ทุกคนคือเป็นห่วงพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ไม่อยากให้พระองค์ไม่สบาย ไม่อยากให้พระองค์เจ็บป่วย ความเจ็บของพระองค์คือความเจ็บของพวกเราลูกๆ(ในแผ่นดิน)ของพระองค์ด้วย ทุกๆคืนดิฉันได้แต่ภาวนาไหว้พระสวดมนต์อ้อนวอนต่อเทพเทวดาฟ้าดินและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้ปกป้องคุ้มภัยพระองค์และให้พระองค์จงทรงมีพระชนม์มายุยิ่งยืนนานเป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรชาวไทยตราบนานเท่านาน ดิฉันอยากบอกพ่อหลวงว่าพวกเรารักและเทิดทูลพระองค์ยิ่งกว่าชีวิตของพวกเราเอง ไม่ว่าพระองค์จะเป็นอะไรดิฉันคนหนึ่งละที่ยอมสละให้พระองค์ได้แม้แต่ชีวิตของดิฉันเอง และดิฉันเชื่อมั่นว่าพสกนิกรทุกคนของพระองค์ก็คงคิดเหมือนที่ดิฉันคิด
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 21:12 4 ความคิดเห็น
วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552
เพราะพ่อ......คือพ่อ
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 22:21 2 ความคิดเห็น
รู้สึกดี...ที่มีพ่อ
เคยเหนื่อยล้าหลายคราครั้งทั้งเติบใหญ่
พ่ออุ้มชูรักห่วงใยไม่แปรผัน
มือแห้งเหี่ยวคอยเหนี่ยวรั้งฟังรำพัน
ลูกโศกศัลย์พ่อเจ็บแปลบแสบถึงทรวง
พ่อคือผู้ยิ่งใหญ่ในใจลูก
เจ็บที่ถูกทำมาอย่าห่วงหวง
เพียงเป่ามนต์บนแผลคลายหายทั้งปวง
ลูกอย่าห่วงพ่อช่วยได้ไม่ต้องกลัว
ทุกคราครั้งนั่งข้างพ่อขอกอดแขน
อบอุ่นแน่นไม่กลัวเกรงนักเลงชั่ว
เมื่อจำจากพรากพ่อไปใจระรัว
ความขลาดกลัวเริ่มเกาะกินจนสิ้นแรง
อยากบอกรักสักหมื่นครั้งพ่อยังอยู่
ให้พ่อรู้ก่อนจิตดับลับอ่อนแสง
รักที่ลูกมีให้ไม่เปลี่ยนแปลง
ทุกหนแห่งพ่อเคียงข้างมิห่างใจ
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 15:24 0 ความคิดเห็น
วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ นายประเสริฐ ไชยพยันต์
การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
โรงเรียนบ้านนาม่วง
ปีการศึกษา 2551
ประเสริฐ ไชยพยันต์
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสงขลา เขต 3
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ
ชื่อผู้ศึกษา: นายประเสริฐ ไชยพยันต์
ชื่อสถานศึกษา: โรงเรียนบ้านนาม่วง
ปีการศึกษา: 2551
คำสำคัญ: บทเรียนคอมพิวเตอร์การส่งเสริมการอ่านนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การสางเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาม่วง ปีการศึกษา 2551 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านของนักเรียน
3) ศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาม่วง ปีการศึกษา 2551 ที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาม่วง ปีการศึกษา 2551 จำนวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาม่วง ปีการศึกษา 2551 2) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้นวัตกรรมตามหน่วยการเรียนรู้ จำนวน 7 แผน 22 ชั่วโมงรวมทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน และชี้แจงบทเรียน-สรุปบทเรียน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านแบบอิงเกณฑ์ 3 ตัวเลือก แยกเป็นชุด ๆ ละ10 ข้อ มีค่าความยากง่าย 0.20 – 0.80 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.20 ค่าความเชื่อมั่นรายชุดเท่ากับ 0.79 , 0.82, 0.86 ,0.77 และ 0..82
(2) ผลการศึกษา พบว่า:
1. ประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาม่วง ปีการศึกษา 2551 มีมาตรฐานสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 ( 86.50/86.40)
2. หลังใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านนของนักเรียนชั้น
3. ระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาม่วง ปีการศึกษา 2551 ที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทยโดยภาพรวมและรายข้อส่วนใหญ่อยู่ในระดับมากที่สุด
สำหรับข้อเสนอแนะที่สำคัญ ได้แก่
1. ก่อนการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ ผู้เรียนต้องศึกษาข้อแนะนำการใช้ในบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนให้เข้าใจ สามารถใช้ปุ่มและคำสั่งต่าง ๆ ในบทเรียนได้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้ติดขัดระหว่างศึกษาบทเรียน
2. การเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ถึงแม้ว่าจะเป็นการเรียนด้วนตนเองก็ตาม ครูก็ยังมีบทบาทในการให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้น ครูควรดูแลตลอดการเรียนการสอน หรือคอยแก้ไขข้อผิดพลาดของนักเรียน ไม่ใช่ใช้คอมพิวเตอร์
ช่วยสอนแทนครู
3. การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนควรใช้ภาพและเสียงประกอบการเรียน ที่สื่อความหมายตรงตามความต้องการและความสนใจของผู้เรียน เพื่อให้บทเรียนน่าสนใจมากที่สุด
4. ควรศึกษาการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ในเนื้อหาหน่วยอื่น ๆ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย หรือกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ ด้วย เช่น วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา เป็นต้น
5. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบผลการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกับวิธีการสอนแบบอื่น เช่น การสอนด้วยชุดการสอน การสอนแบบใช้สถานการณ์จำลอง หรือการสอนแบบโครงงาน เป็นต้น เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และเจตคติต่อการเรียน และเพื่อทราบความแตกต่างของผล
(3)
กิตติกรรมประกาศ
รายงานการพัฒนานวัตกรรมครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยดี โดยได้รับความอนุเคราะห์ด้วยดีจากผู้มีพระคุณทุก ๆ ท่าน โดยเฉพาะนายศลใจ วิบูลย์กิจ
ซึ่งได้ให้การสนับสนุนส่งเสริม สละเวลาให้คำปรึกษา และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงข้อบกพร่องต่าง ๆ ผู้ศึกษาขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
ขอขอบพระคุณ นายคมศักดิ์ ชื่นชม นางสาวพรศิริ กองนวล นางศิริญญา สุริยะวงศ์ นางกาญจนา จองเดิม นายกมลพันธ์ แก้วเชิด นายทศพร ชิตมณี และ นางรัตยา ศรีวะปะ ที่ได้สละเวลาในการเป็นผู้เชี่ยวชาญพิจารณาตรวจสอบเครื่องมือในการศึกษา
ขอขอบคุณผู้อำนวยการ คณะครู และนักเรียนโรงเรียนอุทยานอุทิศ ที่ให้การสนับสนุนในการทดลองใช้เครื่องมือ และขอขอบคุณ
ขอขอบคุณคณะครู นักเรียนโรงเรียนบ้านนาม่วง ตลอดจนบุคลากรทุกท่านในโรงเรียนที่ให้ความร่วมมือ สนับสนุนช่วยเหลือและให้กำลังใจ และขอขอบคุณญาติพี่น้องตลอดจนเพื่อนฝูงทุก ๆ ท่านที่ให้การสนับสนุนและกำลังใจตลอดมา
ประโยชน์ที่พึงได้รับจากการศึกษาในครั้งนี้ ผู้ศึกษาขอมอบเป็นกตัญญุตาแด่ บิดา มารดา ครูอาจารย์ และผู้มีอุปการคุณทุกท่านที่มีส่วนสำคัญ
ประเสริฐ ไชยพยันต์
2552
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 09:59 0 ความคิดเห็น
การเผยแพร่ผลงาน นางสุพิชญ์นันท์ ไชยพยันต์
ชื่อผลงาน: การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน
ชื่อผู้ศึกษา: นางสุพิชญ์นันท์ ไชยพยันต์
ปีการศึกษา: 2551
คำสำคัญ: บทเรียนคอมพิวเตอร์การส่งเสริมการอ่านนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนการส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาลึก ปีการศึกษา 2551 ก่อนและหลังใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้
3) ศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาลึก ปีการศึกษา 2551 ที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาลึก ปีการศึกษา 2551 จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาลึก ปีการศึกษา 2551 2) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้นวัตกรรม จำนวน 7 แผน 22 ชั่วโมงรวมทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน และชี้แจงบทเรียน-สรุปบทเรียน
3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านแบบอิงเกณฑ์ 3 ตัวเลือก แยกเป็นชุด ๆ ละ10 ข้อ มีค่าความยากง่าย 0.20 – 0.80 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.20 ค่าความเชื่อมั่นรายชุดมีค่าตั้งแต่ 0.77 – 0.92 และ แบบสอบถามวัดระดับความพึงพอใจมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ( Rating Scale ) จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (m ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (s ) และ การทดสอบค่า t
( t – test dependent)
(2) ผลการศึกษา พบว่า:
1. ประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาลึก ปีการศึกษา 2551 มีมาตรฐานสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 ( 85.30/83.40)
2. หลังใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาลึก ปีการศึกษา 2551 สูงขึ้น โดยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 ค่าคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนมีค่าเท่ากับ 39.67 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 4.64 ค่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนมีค่าเท่ากับ 31.33 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 5.94
3. ระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาลึก
ปีการศึกษา 2551 ที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทยโดยภาพรวมและรายข้ออยู่ในระดับมากที่สุด
สำหรับข้อเสนอแนะที่สำคัญ ได้แก่
1. ก่อนนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไปใช้ต้องศึกษาเพื่อทำความเข้าใจให้ชัดเจน
ทั้งครูและนักเรียน โดยเฉพาะครูต้องชี้แจงและให้คำแนะนำให้เข้าใจก่อนที่จะลงมือเรียน และต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
2. ครูผู้สอนควรบันทึกปัญหา ข้อบกพร่องและข้อสงสัย ของนักเรียนไว้เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงบทเรียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
3. ครูควรมีการเน้นย้ำถึงความซื่อสัตย์ ความอดทน และความมีระเบียบวินัยของนักเรียนในระหว่างศึกษาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยตนเอง เพื่อผลประโยชน์ของผู้เรียนเอง
4. การเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ถึงแม้ว่าจะเป็นการเรียนด้วนตนเองก็ตาม ครูก็ยังมีบทบาทในการให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้น ครูควรดูแลตลอดการเรียนการสอน หรือคอยแก้ไขข้อผิดพลาดของนักเรียน ไม่ใช่ใช้คอมพิวเตอร์
ช่วยสอนแทนครู
5. การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนควรใช้ภาพและเสียงประกอบการเรียน ที่สื่อความหมายตรงตามความต้องการและความสนใจของผู้เรียน เพื่อให้บทเรียนน่าสนใจมากที่สุด
6. ผู้ที่เกี่ยวข้องเช่นผู้บริหารสถานศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดควรส่งเสริมให้ครูนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไปพัฒนาการเรียนการสอนให้มากยิ่งขึ้นโดยการนิเทศติดตามหรือจัดให้มีการอบรมการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนให้กับครู เพื่อกระตุ้นให้ครูได้พัฒนากระบวน
การเรียนการสอน อันส่งผลถึงความเจริญทางการศึกษาในอนาคต
7. การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) ควรเลือกเนื้อหาที่เหมาะสม และขนาดของบทเรียนไม่ควรมีจำนวนมาก เพราะการใช้เวลาในการเรียนนานเกินไปทำให้นักเรียนเกิดความเบื่อหน่ายได้
8. ควรมีการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) ในเนื้อหาหรือสาระวิชาอื่น ๆ เพื่อใช้เป็นสื่อช่วยพัฒนาการเรียนการสอน
9. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) กับวิธีสอนอื่น ๆ เช่น การสอนโดยใช้เกมการเรียนจากวีดีโอเกม ชุดการเรียน บทเรียนสำเร็จรูป หรือ แบบฝึกทักษะ เป็นต้น
(4)
กิตติกรรมประกาศ
รายงานการพัฒนานวัตกรรมครั้งนี้สำเร็จลุล่วง โดยได้รับความอนุเคราะห์ด้วยดีจากผู้มีพระคุณทุก ๆ ท่าน โดยเฉพาะนายศลใจ วิบูลย์กิจ
ขอขอบพระคุณ นายคมศักดิ์ ชื่นชม นางสาวพรศิริ กองนวล นางศิริญญา สุริยะวงศ์ นางกาญจนาจองเดิม และ นายกมลพันธ์ แก้วเชิด ที่ได้สละเวลาในการเป็นผู้เชี่ยวชาญพิจารณาตรวจสอบเครื่องมือในการศึกษา
ขอขอบคุณผู้อำนวยการ คณะครู และนักเรียนโรงเรียนอุทยานอุทิศ โรงเรียนสะบ้าย้อย ที่ให้การสนับสนุนในการทดลองใช้เครื่องมือ และ
ขอขอบคุณคณะครู นักเรียนโรงเรียนบ้านนาลึก โรงเรียนสะบ้าย้อย ตลอดจนบุคลากรทุกท่านในโรงเรียนที่ให้ความร่วมมือ สนับสนุน
ประโยชน์ที่พึงได้รับจากการศึกษาในครั้งนี้ ผู้ศึกษาขอมอบเป็นกตัญญุตาแด่ บิดา มารดา ครูอาจารย์ และผู้มีอุปการคุณทุกท่านที่มีส่วนสำคัญ
สุพิชญ์นันท์ ไชยพยันต์
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 09:37 0 ความคิดเห็น
วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
รวมลิงค์ที่น่าสนใจ
http://www.manager.co.th/
http://mozart2002-today.blogspot.com
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 21:04 0 ความคิดเห็น
อีกหลายร้อยหมื่นพัน...ที่ครูนั้นแสนประทับใจ
อีกหลายร้อยหมื่นพัน...ที่ครูนั้นแสนประทับใจ
เรื่องที่ 2 ก้าวแรก...ของความเป็นครู
......."ครูบาฆูมาฆี"ก้าวแรกที่ครูได้ทำหน้าที่แม่พิมพ์ของชาติ ทุกสายตาใสซื่อบริสุทธิ์ ส่องประกายมาถึงครู
ลูกศิษย์ตัวน้อยๆมารายล้อมรอบตัวครู จนครูใหม่รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก ศิษย์ส่งเสียงเซ็งแซ่จนครูฟังไม่ได้ศัพท์ เพราะเป็นภาษาที่ครูไม่ค่อยคุ้นชินแต่ความรู้สึกรับรู้ได้ว่าศิษย์รักและตื่นเต้นกับครูคนใหม่เสียเหลือเกิน
วันแรกที่ได้ทำการสอนครูได้รับหน้าที่ให้สอนในระดับชั้นอนุบาลซึ่งนับว่าท้าทายความสามารถของครูยิ่งนัก เพราะครูต้องตีความหมายของภาษาและท่าทางอยู่ตลอดเวลา วันแรกก็รู้สึกท้อ เหนื่อย แต่ก็มีความสุขมากๆ สุขที่ได้ทำหน้าที่ของครู.....ครูผู้ให้ ให้ความรัก ความ ห่วงใย ความจริงใจ และความปรารถนาดีกับศิษย์ทุกๆคน
รุ่งเช้าของทุกวันศิษย์ตัวน้อยๆ จะยืนเกาะริมรั้วหน้าประตู สายตาแสนซื่อส่งประกายตื่นเต้นดีใจเมื่อครูขี่รถจักรยานยนต์มาถึง ทุกคนต่างวิ่งกรูมาเกาะแขนครูด้วยความดีใจ ความรัก ความห่วงใยที่ศิษย์ส่งผ่านมาทุกวี่ทุกวัน ทำให้ครูมีกำลังใจและคิดได้ว่าผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งเมื่ออยู่ในห้วงแวดล้อมของศิษย์ตัวน้อยๆเหล่านี้ก็มีค่าได้มากมายเช่นกัน ทุกครั้งที่ครูท้อใจ ไม่มีใครต้องการหรือไม่มีใครเห็นค่า...แต่ครูก็ไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวถ้ามีพวกหนูคอยอยู่เคียงข้างอย่างนี้..ตลอดเวลา ขอบคุณมากที่ทำให้ครูได้คิดและครูจะทำตัวเองให้มีค่ามากที่สุดให้สมกับคำว่า..ครู
อีกหนึ่งภาษา...ที่น่าเรียนรู้
บาฆู หมายถึง ใหม่
มาฆี หมายถึง มา
แกแจ๊ะ หมายถึง พูด
อยากส่งกำลังใจ....ให้ใครๆที่ท้อแท้
คติสอนใจ
*ถ้าเราเจองานหนักนั่นหมายถึง
โอกาสเตรียมพร้อมสู่มืออาชีพ*
*ถ้าเราเจอทุกข์หนัก
นั่นคือแบบฝึกหัด
ที่จะทำให้เราเกิดทักษะ*
$ถ้าเราเจอคำตำหนิ
นั่นคือการชี้ถึง
ขุมทรัพย์อันมหาศาล$
#ถ้าเราเจอคำนินทานั่นสะท้อนว่า
เรายังเป็นคนที่มีความหมาย#
&ถ้าเราเจอความผิดหวัง
นั่นคือวิถีทางที่ธรรมชาติ
พยายามสร้างภูมิคุ้มกัน&
@ถ้าเราเจอวิกฤตเราต้องคิดว่า
ในวิกฤตนั้นยังมีโอกาส@
#ถ้าเราถูกศัตรูกลั่นแกล้ง
เราต้องคิดว่าถ้ามารไม่มี
บารมีก็จะไม่เกิด#
@@@@@@@@@@@@@@@@@
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 20:40 2 ความคิดเห็น
วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
หนึ่งในอีกหลายหมื่นพัน....ที่ครูนั้นแสนประทับใจ เรื่องที่1
หนึ่งในอีกหลายหมื่นพัน....ที่ครูนั้นแสนประทับใจ
เรื่องที่1
วันหนึ่งครูได้เจอไลลาอย่างบังเอิญ สิบหกปีที่ผ่านมาแววตาดุๆที่แฝงเร้นไปด้วยความจริงใจติดตาครูอยู่ตลอดเวลา เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆหน้าตาดุๆสามารถควบคุมเด็กห้องอนุบาลได้ทั้งห้องแม้แต่เด็กผู้ชายที่แสนดื้อและซุกซนอย่างอับดุลเลาะห์ยังสยบกับหล่อน ทุกครั้งที่ครูใหม่อย่างครูส่งภาษากับศิษย์ตัวน้อยๆในห้องไม่รู้เรื่อง แล้วศิษย์รุมอธิบายด้วยเสียงอันดังเซ็งแซ่ไลลาหรือลาวาตีตัวน้อยซึ่งสามารถฟังภาษาของครูได้ดีกว่าใครอื่น จะส่งเสียงดังเป็นภาษาของหล่อนเพื่อจะช่วยคุณครูปราบเพื่อน ทุกคนนั่งเงียบเป็นปลิดทิ้งครูทึ่งกับความสามารถของไลลาและแอบมั่นใจว่าต่อไปเด็กคนนี้จะมีอนาคตที่ดี ไลลาจะเป็นเด็กรักดีและมีน้ำใจมากมาย และเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ชอบช่วยเหลือและอาสาที่จะทำงานให้ครูโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ทุกครั้งที่ครูมาถึงโรงเรียนในตอนเช้าไลลาจะรีบวิ่งมาช่วยถือของในมือครูอย่างกุลีกุจอหลังจากนั้นจะไปชวนเพื่อนๆมาช่วยกวาดห้องอย่างขมีขมันโดยไม่ต้องมีใครใช้หรือไหว้วาน ครูเห็นความรักความหวังดีและจิตใจที่บริสุทธิ์ของศิษย์รักที่ส่งผ่านมาถึงครูทุกวี่ทุกวัน ครูเลยตั้งปณิธานไว้ในใจว่าครูจะรักจริงใจและสอนศิษย์ทุกคนให้ดีที่สุดด้วยจิตและวิญญาณของความเป็นครูที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
ความคิดของครูล่องลอยไปไกล ครูรีบดึงความคิดกลับมา ข้างหน้าครูเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนของครูในขณะนี้คือเด็กผู้หญิงคนนั้น คนที่ครูคิดถึงอยู่ตลอดเวลา ขณะนี้ไลลาเป็นเด็กหน้าตาจิ้มลิ้มอยู่ภายใต้ผ้าคลุมผมที่ปิดสนิทแต่ครูก็ยังเดาออกว่าหนูเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยมากสายตาสวยเผ็ดดุของหนูก็ยังเหมือนเดิมเคลือบแฝงไปด้วยความรัก จริงใจ และมีความมุ่งมั่นอยู่ในที
ครูรีบถามถึงสารทุกข์สุขดิบ สุดท้ายครูถามเรื่องการเรียน ไลลายิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจแล้วตอบครูด้วยเสียงดังฟังชัดเหมือนสิบหกปีที่ผ่านมาว่า "หนูเพิ่งกลับจากรายงานตัวค่ะครูหนูสอบพยาบาลได้" ครูรู้สึกเบาหวิวด้วยความภาคภูมิใจแทนไลลาพร้อมทั้งยังได้ยินเสียงไลลากล่าวต่อไปว่า"ครูเป็นผู้จุดประกายให้หนู ครูเคยบอกหนูกับเพื่อนๆว่าให้พวกหนูวิ่งตามฝันและฝันให้ไกล ไปให้ถึง วันนี้หนูตามฝันของหนูทันแล้วค่ะครูและคนที่หนูอยากเล่าให้ฟังมากที่สุดก็คือครู และหนูก็ได้เจอครูจริงๆด้วยหนูรู้สึกเหมือนฝันเลยค่ะ" ครูงงอย่างบอกไม่ถูกเด็กอนุบาลคนหนึ่งฝังใจกับคำสั่งสอนของครูและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไปตามทางแห่งฝันนั้นจนประสบความสำเร็จ ครูรู้แค่นี้ครูก็รู้สึกดีใจและตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก สิบหกปีที่ผ่านมาแค่ครูใหม่คนหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นค่าของตนเองไม่เคยมีความหมายกับใครเท่าไรนักแต่คำพูดแค่สองสามประโยคสามารถทำให้เด็กอนุบาลน้อยๆหลายคน พยายามยึดคำสั่งสอนและวิ่งไปให้ถึงฝั่งฝันที่ตนวาดหวังไว้จนประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม
นี่แหละ..เพราะครู..คือครู ครูคือผู้ให้และผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ สร้างชีวิตและจิตวิญญาณที่ดีให้เกิดขึ้นกับศิษย์น้อยๆ
เรือจ้างลำนี้ ถึงแม้จะไม่มีราคาค่างวดอะไรมากมาย แต่ก็สามารถแจวฝ่าอุปสรรคขวากหนามจนนำพาศิษย์ขึ้นฝั่งปีแล้วปีเล่า เจอฝน เจอพายุที่โหดร้าย เจอตอไม้ทิ่มแทงเรืออย่างไรก็ไม่หวั่น ทั้งๆที่บางครั้งช้ำสุดช้ำ ร้องเกินร้อง ท้อจนไม่อยากลุก แต่...เมื่อหันไปมองผู้โดยสารที่นั่งตาใสแจ๋วมองมาด้วยความรักจริงใจและเชื่อมั่นเรือลำเดิมเลยต้องจำใจฝืนจ้ำพายต่อไปอย่างไม่กลัวเกรง เพียงเพื่อผู้โดยสารใสซื่อบริสุทธิ์เหล่านั้นจะถึงฝั่งฝันได้อย่างดีปลอดภัยที่สุด
จบเรื่องที่ 1 ขอบใจมากจ้ะไลลาศิษย์รัก
อีกหนึ่งภาษา...ที่น่าเรียนรู้
ฆี หมายถึง ไป
ฆีกานอ หมายถึง ไปไหน
สกอเราะฮ์ หมายถึง โรงเรียน
* หมายเหตุ ผู้เขียนอาจจะเขียนผิดไปบ้างต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย เพราะผู้เขียนได้เขียนตามน้ำเสียงที่ได้ยินมา*
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 21:00 0 ความคิดเห็น
วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
สิบหกปีที่...... แจวเรือ
จากเสี้ยวหนึ่งความรู้สึกที่ลึกล้ำ
เฝ้าตอกย้ำคำว่าครูผู้สั่งสอน
รักด้วยใจห่วงใยเจ้าเฝ้าอาวรณ์
ศิษย์ทุกข์ร้อนครูปัดเป่าทุกเช้าเย็น
เพียงอยากให้ใส่ความรู้คู่ความรัก
มิเคยจักเรียกร้องต้องได้เห็น
เพียงเพราะให้เพราะอยากให้ไม่ลำเค็ญ
ขอศิษย์เป็นเพียงคนดีแค่นี้พอ
เรือเก่าแจวเหมือนเรือจ้างกลางน้ำหลาก
แม้นทุกข์ยากลำบากใจไม่ร้องขอ
ลุยฝ่าคลื่นฝืนสู้ไปไม่รีรอ
น้ำตาคลอหนาวเหน็บเจ็บจำทน
ศิษย์มากมายนั่งเรียงรายหมายขึ้นฝั่ง
ครูมิยั้งยังจ้ำมาฝ่าสายฝน
ครูจะส่งตรงฝั่งฝันทันทุกคน
แม้นเหนื่อยจนแทบขาดใจก็ไม่กลัว
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 13:22 0 ความคิดเห็น
ครูขา.....ลูกไม่อยากให้ครูเดินคนเดียว
ครูขา
........วันเสาร์ที่ผ่านมาครูได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านหนูๆ ครูอยากไปให้ทุกหลังแต่ก็จำกัดไปด้วยเวลาและเหตุการณ์ ใช่สิ ครูเป็นครูคนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงมากครูอยู่ในแถบสี่อำเภอในจังหวัดสงขลา อันตรายก็เหมือนๆกับเพื่อนครูในสามจังหวัดภาคใต้นั่นแหละ แต่ทำไมครูต้องไปเยี่ยมบ้านพวกหนูเหรอะ (ทั้งๆที่ครูสามารถจะฝากข้อมูลให้ผู้ปกครองหนูกรอกมาให้ครูก็ได้ แต่ ครูไม่ทำอย่างนั้น) ที่ทำทั้งหมดก็แค่เพียงครูอยากบอกให้หนูรู้ว่าความรู้สึกของครูอย่างพวกครูคืออะไร คือรัก ห่วงใย จริงใจ และหวังดีกับหนูด้วยใจที่บริสุทธิ์จริงๆ ครูอยากบอกพวกหนูทุกคนว่าครูรักพวกหนูมากมายแค่ไหน ครูก็เหมือนแม่ของพวกหนูคนหนึ่งที่เฝ้ารักห่วงใยหนูมากๆเหมือนกับที่ครูรักและห่วงใยลูกครูไงล่ะ
.........ระยะทางที่ไปบ้านพวกหนูก็ค่อนข้างอันตรายเป็นอย่างยิ่งครูได้แต่ภาวนาไหว้พระสวดมนต์ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครอง ครูไม่เคยพกพาอาวุธสิ่งที่ครูพกพาอยู่ตลอดเวลาคือความดีที่ครูได้สรรค์สร้างและปลูกฝังให้กับพวกหนูๆ เมื่อไปถึงบ้าน พวกหนูวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังครูเป็นสิบๆคน ครูเห็นแล้วครูรับความรู้สึกได้ถึงความรักที่พวกหนูส่งผ่านมา น้องปอหนึ่งคนหนึ่งเอื้อมมือมากอดเอวครูแล้วบอกครูว่า ครูขา..ลูกเดินเป็นเพื่อนครูค่ะ ทุกคนที่เหลือประสานเสียงพร้อมกันว่า ลูกด้วยค่ะ ลูกไม่อยากให้ครูเดินคนเดียวค่ะ น้องปอสองเอื้อมมือมารับกระเป๋าถือของครูแล้วพูดว่าครูขาลูกถือให้ค่ะ ครูส่งให้หนูไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง อีกคนรีบพูดตามขึ้นว่าครูขาลูกถือหมวกให้ค่ะ เพราะเขาเห็นครูกระเดียดหมวกไว้ด้านซ้ายกระเดียดเอกสารไว้มือขวาพะรุงพะรัง ครูยื่นให้หนูอีกหนูรีบหยิบไปด้วยความภาคภูมิใจที่สามารถช่วยเหลือครูได้
...........ทุกบ้านทุกหลังต้อนรับครูด้วยน้ำใจที่ดีที่สุด เลือกสิ่งที่ดีที่สุดมาคอยต้อนรับครู ขนมนมเนย ผลหมากรากไม้นานาชนิด ครูอิ่มมาก แต่ที่อิ่มที่สุดคือใจที่อิ่มเอิบ ครูรู้ทุกคนยากจนแถมยังมากด้วยแต่ทุกคนไม่ยอมจนกับคำว่าน้ำใจ ครูเดินไปสิบกว่าหลังฝนเทลงมาอย่างหนักหนูๆรีบจับมือครูแล้วลากให้วิ่งเพื่อจะหลบฝนแต่ยังอีกไกล ลูกกคนที่ถือหมวกรีบส่งหมวกมาให้แล้วพูดเสียงดังว่า เร็วครู สวมหมวก ลูกกลัวครูไม่สบาย ครูรีบถามกลับไปด้วยความซาบซึ้งอีกหนว่า แล้วลูกล่ะ เขารีบตอบกลับมาว่า ลูกตากฝนบ่อยลูกไม่เป็นอะไรหรอกค่ะแต่ลูกกลัวครูจะไม่สบาย ครูหันไปรับหมวกแต่ครูไม่สวมหรอกลูก ถ้าหนูไม่สบายครูก็ยอมไม่สบายเป็นเพื่อนหนูนะลูกรักของครู
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 12:20 1 ความคิดเห็น
วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
เพราะครู...คือครู
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 14:33 0 ความคิดเห็น