วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เหรียญนี้...ที่ครูให้
เมื่อครูได้ทราบข่าวจากเขตพื้นที่การศึกษาว่าศิษย์น้อยๆของครูได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนไปแข่งขันทักษะทางด้านวิชาการกลุ่มสาระวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรม E-book ช่วงชั้นที่ 2 ระดับภาคที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ความรู้สึกตื่นเต้นประหม่ากดดันและเครียดประเดประดังกันมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ขึ้นชื่อว่าครูแล้วต้องสามารถและทำได้ทุกอย่างถึงแม้ว่าตัวครูเองจะจบแค่ปริญญาตรีวิชาเอกภาษาไทยก็ตามที วันที่เดินทางไปเข้าแข่งขันครูรู้สึกเครียดอย่างบอกไม่ถูก เมื่อครูนำนักเรียนเข้าไปทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวกันและสอบถามกันเป็นการใหญ่เพราะศิษย์รักของครูทั้งสามคนเป็นนักเรียนแค่ชั้น ป.4 เป็นทีมที่อายุอ่อนสุดและตัวเล็กกว่าใครเพื่อน (ช่วงชั้นที่ 2) ครูที่ปรึกษาของทีมอื่นๆจึงได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ หลายๆทีมนำอุปกรณ์เสริมหลากหลายชนิดมา แต่ตัวครูเองไม่ทราบเพราะไม่เคยเข้าร่วมแข่งขันจึงไม่ได้นำอะไรมาเลย(เอามาแต่ตัวโปรแกรมที่เข้าแข่งขัน) ใจของครูเริ่มห่อเหี่ยวแต่ก็พยายามฝืนยิ้มให้ศิษย์ด้วยหน้าตาที่คิดว่าสดใสที่สุดเท่าที่จะทำได้ ศิษย์ทั้งสามหันมายิ้มตอบด้วยความมั่นใจ เมื่อแต่ละเครื่องลงโปรแกรมและทำงานไปได้ประมาณ 15 นาที กรรมการท่านหนึ่งเดินสะดุดปลั๊กเครื่องคอมของทีมศิษย์ของครู(ครูนั่งดูจากตู้กระจกซึ่งสามารถมองเห็นด้านหลังของคอมพิวเตอร์ทุกตัว) ใจของครูหล่นวูบไปตามกระแสไฟฟ้า กรรมการท่านที่สะดุดไม่ได้หันมามองดูในสิ่งที่ตนกระทำและเดินผ่านเลยไป ครูและแม่กา(แม่ของน้องกั๊ก)ยืนมองด้วยใจกระสับกระส่ายเวลาผ่านเลยไปสิบนาทีครูกับแม่กามองหน้ากันแล้วครูรีบตัดสินใจเคาะกระจกขออนุญาตเข้าไปในห้องแข่งขัน ครูเรียนให้กรรมการทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น กรรมการจึงทำการแก้ไขให้อย่างเร่งด่วน ศิษย์น้อยๆของครูเริ่มต้นลงโปรแกรมและทำงานใหม่อย่างตั้งใจทุกครั้งที่ครูและแม่กาหันไปมองด้วยความเป็นห่วง ศิษย์ทั้งสามรีบยกนิ้วทำท่าสู้ตายให้ครูดูพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานสุดขีดมาให้ครูอย่างประจบประแจง ครูหันไปมองหน้าแม่กาและยิ้มให้กันด้วยน้ำตาคลอเบ้า ศิษย์รักของครูรู้ไหมจ๊ะครูแอบให้เหรียญทองจากใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ลูกเจอปัญหาแล้วล่ะ ถึงแม้วันนี้ลูกจะไม่ชนะใคร แต่ลูกชนะใจครูตลอดเวลา สักพักกรรมการท่านเดิมเดินผ่านเครื่องของทีมศิษย์ของครูและสะดุดคอมไปแรงๆอีกหนึ่งครั้ง ครูและแม่การีบยกมือพนมอย่าให้คอมดับอีกเลยคราวนี้เกิดปาฏิหารย์คอมไม่ดับเหมือนครั้งแรกครูและแม่กาจึงโล่งอกไปตามกัน พอลูกๆทำงานไปประมาณชั่วโมงครึ่ง(กรรมการให้เวลาทำงานทั้งหมดสามชั่วโมง) ลูกๆส่งสัญญาณบอกใบ้ครูและแม่กาว่าลูกทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้ save ครูและแม่การีบยกหัวแม่มือชมลูกว่าเก่งลูกๆยิ้มร่าด้วยความดีใจภายในเสี้ยววินาทีคอมของลูกดับวูบไปพร้อมๆกับทีมพัทลุง ครูเหลือบตาไปมองดูนาฬิกาด้วยนำตาคลอเบ้าพร้อมที่จะไหลลงมาสู่ร่องแก้มได้ตลอดเวลา เวลายังเหลืออีกแค่หนึ่งชั่วโมงกับยี่สิบนาที ลูกๆจากทีมพัทลุงตกใจลนลานมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูกเพราะข้อมูลหายเกลี้ยง ลูกศิษย์ตัวน้อยของครูหน้าซีดเผือดเพราะข้อมูลหายเกลี้ยงเช่นกัน ครูหันไปส่งสัญญาณว่าไม่เป็นไรและให้สู้ตายไม่ต้องกลัวลูกยิ้มให้ครูอีกครั้งด้วยสายตาอ้อนวอนครูรู้ว่าลูกต้องการกำลังใจทั้งๆที่ครูและแม่กาน้ำตานองหน้าครูรีบวิ่งเข้าไปในห้องแข่งขันแล้วรีบเรียกคืนความมั่นใจให้ลูกๆ โดยเรียนให้กรรมการท่านทราบ ขอต่อเวลาและขอเปลี่ยนเครื่องใหม่ กรรมการไม่ได้พูดอะไรกับครูได้แต่เชิญให้ครูออกจากห้อง เมื่อครูออกมาพ้นห้องครูหันไปดูอีกทีกรรมการท่านเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้แต่หน้าจอคอมหันหน้าเข้าฝาผนังอีกด้านหนึ่งคราวนี้ครูไม่อาจทราบได้ว่าลูกทำงานเป็นเช่นไรครูกับแม่กาก็ได้แต่ภาวนากันในใจ เมื่อลูกลงโปรแกรมเสร็จลูกทั้งสามหันมายิ้มให้ครูและแม่กาพร้อมทั้งเริ่มทำงานกันอย่างรวดเร็วและฉับไว ครูและแม่กาตกใจน้ำตาครูไหลย้อนกลับเข้าข้างในโดยไม่อยากให้ใครรับรู้ ครูหันไปปลอบแม่กาว่าครูมั่นใจว่าลูกๆของครูทำงานเสร็จทันเวลาอย่างแน่นอน (ครูไม่ได้แค่ปลอบแต่ครูมั่นใจในตัวหนูจริงๆนะลูกรัก) ลูกทำงานไปสักพักใหญ่ๆแล้วหันมาทำมือสู้ตายพร้อมทั้งยิ้มสดใสแบบคนสู้ให้ครูดูทั้งสามคน ครูกับแม่กาหันมายิ้มกันอีกครั้งพร้อมทั้งน้ำตาที่ชุ่มตาอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่ครูหันไปมองลูก ลูกๆส่งผ่านความรักและกำลังใจให้ครูตลอดเวลาจนครูต้องแอบเพิ่มเหรียญให้ลูกอีกเป็นร้อยๆเหรียญ ครูคิดว่าความรัก กำลังใจ ความสามัคคีและความปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะแต่งเติมชีวิตคนให้เป็นคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ เหลือเวลาอีกประมาณสิบนาทีลูกชูมือไชโยแบบไร้เสียงให้ครู ครูและแม่การีบทำท่าตบมือยินดีให้กับลูกๆ ลูกๆทำท่าทางเต้นยึกยักด้วยความสบายใจและดีใจ ลูกขออนุญาตออกจากห้องแข่งขันครูพยักหน้ารับ เมื่อออกจากห้องลูกๆรีบวิ่งเข้ามาสวมกอดครูและแม่กาพร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่แข่งขันว่าง่ายและสามารถทำได้อย่างดีครูที่ปรึกษาทีมอื่นๆหันมามองและยิ้มให้ ครูรีบออกตัวและหันไปบอกพวกเขาว่าลูกดีใจที่ทำเสร็จทันเวลา เมื่อครูกลับมาถึงบ้านจึงได้ทราบข่าวว่าศิษย์คนเก่งของครูได้เหรียญทองแดงพวกเราดีใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้เหรียญทองที่ใครๆปรารถนาลูกศิษย์ของครูจะไม่ได้มาแต่เหรียญทองที่ครูมอบให้จากใจจากความรู้สึกของครูคนหนึ่งที่เห็นศิษย์ต้องฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคมากมาย และสุดท้ายครูและศิษย์คอยส่งผ่านความรักและกำลังใจให้แก่กันและกันอยู่ตลอดเวลา สายตาเศร้าๆที่ครูเห็น อารมณ์ที่ลูกๆตื่นเต้น เสียใจ และดีใจมันตรึงแน่นอยู่ในความทรงจำจนยากที่จะลืมเลือนไปจากใจของครูได้
ขอบคุณน้องกั๊ก น้องเหยี่ยว น้องบีม และแม่กา มากๆเลย
ด้วยรัก.........จากครูองุ่น

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แด่.....พ่อหลวงของปวงชน









ภาพพ่อหลวงเสด็จตามสถานที่ต่างๆ ทรงบุกป่าฝ่าดงถนนหนทางก็แสนจะลำบากยากเข็ญ ภาพเหงื่อที่ทรงท่วมพระวรกายและไหลลงสู่พระนาสิก ภาพพระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปรับดอกไม้เหี่ยวๆของคุณยายท่านหนึ่ง ภาพพระองค์ทรงเหนื่อยแล้วทรงนั่งพิงรถยนต์ที่ทรงประทับ ทุกภาพบอกเล่าถึงความรู้สึกที่ติดแน่นและซาบซึ้งอยู่ในความทรงจำของดิฉันตลอดเวลา ดิฉันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย พระองค์ทรงเป็น King of the kings in the world ซึ่งไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดเทียบเท่าพระองค์ได้เลย ทุกครั้งที่ดิฉันทราบข่าวว่าพระองค์ท่านทรงไม่สบาย ดิฉันก็คงเหมือนพสกนิกรของพระองค์ทุกคนคือเป็นห่วงพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ไม่อยากให้พระองค์ไม่สบาย ไม่อยากให้พระองค์เจ็บป่วย ความเจ็บของพระองค์คือความเจ็บของพวกเราลูกๆ(ในแผ่นดิน)ของพระองค์ด้วย ทุกๆคืนดิฉันได้แต่ภาวนาไหว้พระสวดมนต์อ้อนวอนต่อเทพเทวดาฟ้าดินและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้ปกป้องคุ้มภัยพระองค์และให้พระองค์จงทรงมีพระชนม์มายุยิ่งยืนนานเป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรชาวไทยตราบนานเท่านาน ดิฉันอยากบอกพ่อหลวงว่าพวกเรารักและเทิดทูลพระองค์ยิ่งกว่าชีวิตของพวกเราเอง ไม่ว่าพระองค์จะเป็นอะไรดิฉันคนหนึ่งละที่ยอมสละให้พระองค์ได้แม้แต่ชีวิตของดิฉันเอง และดิฉันเชื่อมั่นว่าพสกนิกรทุกคนของพระองค์ก็คงคิดเหมือนที่ดิฉันคิด
ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพเจ้า นางสุพิชญ์นันท์ ไชยพยันต์ และครอบครัว

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เพราะพ่อ......คือพ่อ


เรื่องของพ่อ ตอน1

ตอนเล็กๆ เมื่อพอจำความได้ บ้านของดิฉันอยู่ในชนบทที่ห่างไกลความเจริญ เมื่อลูกวัยซุกซนอย่างพวกเราซึ่งอายุไล่เลี่ยกันเกิดไม่สบายขึ้นมาก็ต้องติดต่อกันและพลอยไม่สบายพร้อมกันทั้งสามคน และการไปหาคุณหมอในแต่ละครั้งช่างแสนลำบากยากเย็นต้องใช้เวลาเป็นวันๆกว่าจะไปถึงมือหมอได้แต่พ่อกับแม่ก็พยายามพาไปหาทุกครั้งและในแต่ละครั้งที่พวกเราทั้งสามคนไม่สบายพ่อกับแม่ไม่ได้นอนเลยต้องคอยดูแลปรนนิบัติพวกเราทั้งสามตลอดเวลาที่จำได้ติดตาก็คือทั้งพ่อและแม่จะเอาตัวดิฉัน น้องหรือไม่ก็พี่ชายกอดไว้แนบอกนอนคว่ำหน้าบนหน้าอกของท่านสลับกันไปมาตลอดทั้งคืน บางครั้งพวกเราหายใจไม่ออกแล้วร้องกระจองอแง ภาพที่ชินตาของดิฉันก็คือพ่อจะก้มหน้าลงที่จมูกของเราแล้วดูดน้ำมูกออกมาจากจมูกของพวกเราทีละคนจนพวกเราหายใจออกพ่อไม่เคยทำให้พวกเราแค่เพียงครั้งเดียวแต่พ่อจะทำทุกๆครั้งที่พวกเราหายใจไม่ออก พ่อคะหนูอยากบอกพ่อเหลือเกินว่าหนูรักพ่อที่สุดในโลกเลยค่ะ พ่อเป็นผู้ชายใจดีที่สุดในโลกเท่าที่หนูเคยเจอมา วันนี้พ่อยังมีชีวิตอยู่แต่ถึงแม้หนูไม่ได้อยู่ดูแลตอบแทนพระคุณของพ่อแต่หนูก็อยากบอกให้พ่อรู้ว่าลูกสาวคนเดียวของพ่อคนนี้รักและคิดถึงพ่อที่สุดในโลกเลยค่ะ

เรื่องของพ่อ ตอนที่2

วันนั้นจำได้ว่าฝนตกหนักทั้งวันพวกเราสนุกสนานและมีความสุขกับการเล่นน้ำฝนกันทั้งวัน พอตกกลางคืนฝนยังตกกระหน่ำอย่างแรงพวกเราทั้งสามคนพี่น้องนอนหลับสนิทอย่างสบายและไม่รู้สึกตัว ตกดึกพวกเราก็สะดุ้งตื่นพร้อมกันเพราะได้ยินเสียงหวีดอย่างแรงของลมพายุ หลังคาสังกะสีปลิวว่อนสิ่งที่พ่อกับแม่รีบทำตอนนั้นก็คือกระโดดคร่อมบังพวกเราทั้งสามคนไว้อย่างมิดชิดเพราะกลัวไม้ สังกะสีและบ้านจะถล่มใส่ พวกเราทั้งสามอบอุ่นและหายกลัวอยู่ในอ้อมกอดของพ่อกับแม่แต่พวกเรามิอาจทราบได้ว่าแม่กับพ่อโดนอะไรตีและหล่นใส่เอาบ้าง พ่อกับแม่ไม่เคยสนใจว่าตัวเองจะเป็นอย่างไรจะเจ็บหรือจะตายแต่สิ่งที่พ่อกับแม่สนใจก็คือความอยู่รอดของลูกทั้งสามคนไม่อยากให้ลูกเจ็บ ไม่อยากให้ลูกปวดและไม่อยากให้ลูกทรมาน แต่เดชะบุญพ่อกับแม่และพวกเราทั้งสามคนไม่เป็นอะไรแค่พ่อกับแม่โดนถลอกปอกเปิกนิดหน่อยแค่นั้นเอง แต่บ้านของพวกเราหลังคาและไม้หายไปหมดไม่มีเหลือ คงเหลือแต่พื้นบ้านและฝาอีกนิดหน่อยแค่นั้นเอง บางทีดิฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงรักเราได้มากมายอะไรขนาดนี้และทำไมต้องรักเรา ตอนนี้ดิฉันรู้แล้วคะว่าทำไมถึงรักเราได้อย่างไม่มีเหตุผลและมากมายอย่างนี้ ดิฉันเริ่มรับรู้ก็ตั้งแต่มีเด็กผู้ชายจอมซนสองคนเรียกดิฉันว่าแม่......ไงคะ อยากเป็นลูกของพ่อตลอดไปตราบชั่วนิรันดร์ ลูกสาวพ่อ

รู้สึกดี...ที่มีพ่อ



"รักพ่อค่ะ"

เคยเหนื่อยล้าหลายคราครั้งทั้งเติบใหญ่


พ่ออุ้มชูรักห่วงใยไม่แปรผัน
มือแห้งเหี่ยวคอยเหนี่ยวรั้งฟังรำพัน


ลูกโศกศัลย์พ่อเจ็บแปลบแสบถึงทรวง
พ่อคือผู้ยิ่งใหญ่ในใจลูก


เจ็บที่ถูกทำมาอย่าห่วงหวง
เพียงเป่ามนต์บนแผลคลายหายทั้งปวง


ลูกอย่าห่วงพ่อช่วยได้ไม่ต้องกลัว
ทุกคราครั้งนั่งข้างพ่อขอกอดแขน


อบอุ่นแน่นไม่กลัวเกรงนักเลงชั่ว
เมื่อจำจากพรากพ่อไปใจระรัว


ความขลาดกลัวเริ่มเกาะกินจนสิ้นแรง
อยากบอกรักสักหมื่นครั้งพ่อยังอยู่


ให้พ่อรู้ก่อนจิตดับลับอ่อนแสง
รักที่ลูกมีให้ไม่เปลี่ยนแปลง


ทุกหนแห่งพ่อเคียงข้างมิห่างใจ

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ครู....โนรา











วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ นายประเสริฐ ไชยพยันต์

รายงานการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
โรงเรียนบ้านนาม่วง
ปีการศึกษา 2551







ประเสริฐ ไชยพยันต์







สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสงขลา เขต 3
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ
ชื่อผลงาน: การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน
ชื่อผู้ศึกษา: นายประเสริฐ ไชยพยันต์
ชื่อสถานศึกษา: โรงเรียนบ้านนาม่วง
ปีการศึกษา: 2551
คำสำคัญ: บทเรียนคอมพิวเตอร์การส่งเสริมการอ่านนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การสางเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาม่วง ปีการศึกษา 2551 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาม่วง ปีการศึกษา 2551 ก่อนและหลังใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้
ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
3) ศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาม่วง ปีการศึกษา 2551 ที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาม่วง ปีการศึกษา 2551 จำนวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาม่วง ปีการศึกษา 2551 2) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้นวัตกรรมตามหน่วยการเรียนรู้ จำนวน 7 แผน 22 ชั่วโมงรวมทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน และชี้แจงบทเรียน-สรุปบทเรียน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านแบบอิงเกณฑ์ 3 ตัวเลือก แยกเป็นชุด ๆ ละ10 ข้อ มีค่าความยากง่าย 0.20 – 0.80 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.20 ค่าความเชื่อมั่นรายชุดเท่ากับ 0.79 , 0.82, 0.86 ,0.77 และ 0..82
ตามลำดับ และ แบบสอบถามวัดระดับความพึงพอใจมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ( Rating Scale ) จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (m ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (s ) และการทดสอบค่า t ( t – test dependent)

(2) ผลการศึกษา พบว่า:
1. ประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาม่วง ปีการศึกษา 2551 มีมาตรฐานสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 ( 86.50/86.40)
2. หลังใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านนของนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาม่วง ปีการศึกษา 2551 สูงขึ้น โดยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 ค่าคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนมีค่าเท่ากับ 32.29 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 6.26 ค่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนมีค่าเท่ากับ 40.57 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน4.72
3. ระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาม่วง ปีการศึกษา 2551 ที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทยโดยภาพรวมและรายข้อส่วนใหญ่อยู่ในระดับมากที่สุด
สำหรับข้อเสนอแนะที่สำคัญ ได้แก่
1. ก่อนการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ ผู้เรียนต้องศึกษาข้อแนะนำการใช้ในบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนให้เข้าใจ สามารถใช้ปุ่มและคำสั่งต่าง ๆ ในบทเรียนได้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้ติดขัดระหว่างศึกษาบทเรียน
2. การเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ถึงแม้ว่าจะเป็นการเรียนด้วนตนเองก็ตาม ครูก็ยังมีบทบาทในการให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้น ครูควรดูแลตลอดการเรียนการสอน หรือคอยแก้ไขข้อผิดพลาดของนักเรียน ไม่ใช่ใช้คอมพิวเตอร์
ช่วยสอนแทนครู
3. การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนควรใช้ภาพและเสียงประกอบการเรียน ที่สื่อความหมายตรงตามความต้องการและความสนใจของผู้เรียน เพื่อให้บทเรียนน่าสนใจมากที่สุด
4. ควรศึกษาการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ในเนื้อหาหน่วยอื่น ๆ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย หรือกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ ด้วย เช่น วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา เป็นต้น
5. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบผลการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกับวิธีการสอนแบบอื่น เช่น การสอนด้วยชุดการสอน การสอนแบบใช้สถานการณ์จำลอง หรือการสอนแบบโครงงาน เป็นต้น เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และเจตคติต่อการเรียน และเพื่อทราบความแตกต่างของผล
การเรียนรู้

(3)
กิตติกรรมประกาศ

รายงานการพัฒนานวัตกรรมครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยดี โดยได้รับความอนุเคราะห์ด้วยดีจากผู้มีพระคุณทุก ๆ ท่าน โดยเฉพาะนายศลใจ วิบูลย์กิจ
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสงขลา เขต 3 นายโสภณ นวลเจริญ และ นางอาภาภรณ์ มณีคง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาม่วง
ซึ่งได้ให้การสนับสนุนส่งเสริม สละเวลาให้คำปรึกษา และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงข้อบกพร่องต่าง ๆ ผู้ศึกษาขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
ขอขอบพระคุณ นายคมศักดิ์ ชื่นชม นางสาวพรศิริ กองนวล นางศิริญญา สุริยะวงศ์ นางกาญจนา จองเดิม นายกมลพันธ์ แก้วเชิด นายทศพร ชิตมณี และ นางรัตยา ศรีวะปะ ที่ได้สละเวลาในการเป็นผู้เชี่ยวชาญพิจารณาตรวจสอบเครื่องมือในการศึกษา
ขอขอบคุณผู้อำนวยการ คณะครู และนักเรียนโรงเรียนอุทยานอุทิศ ที่ให้การสนับสนุนในการทดลองใช้เครื่องมือ และขอขอบคุณ
ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครู และนักเรียนโรงเรียนบ้านไร่ บ้านห้วยเต่า บ้านควนหรัน บ้านนาลึก บ้านควนหัวช้าง บ้านนาจวก บ้านโคกพะยอม
บ้านนาประดู่ บ้านไทยพัฒนา และ บ้านคูศักดิ์สิทธิ์ ที่ให้การสนับสนุนในการเผยแพร่นวัตกรรม
ขอขอบคุณคณะครู นักเรียนโรงเรียนบ้านนาม่วง ตลอดจนบุคลากรทุกท่านในโรงเรียนที่ให้ความร่วมมือ สนับสนุนช่วยเหลือและให้กำลังใจ และขอขอบคุณญาติพี่น้องตลอดจนเพื่อนฝูงทุก ๆ ท่านที่ให้การสนับสนุนและกำลังใจตลอดมา
ประโยชน์ที่พึงได้รับจากการศึกษาในครั้งนี้ ผู้ศึกษาขอมอบเป็นกตัญญุตาแด่ บิดา มารดา ครูอาจารย์ และผู้มีอุปการคุณทุกท่านที่มีส่วนสำคัญ
ต่อความสำเร็จในครั้งนี้



ประเสริฐ ไชยพยันต์
2552

การเผยแพร่ผลงาน นางสุพิชญ์นันท์ ไชยพยันต์

ชื่อผลงาน: การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน
ชื่อผู้ศึกษา: นางสุพิชญ์นันท์ ไชยพยันต์

ชื่อสถานศึกษา: โรงเรียนบ้านนาลึก
ปีการศึกษา: 2551
คำสำคัญ: บทเรียนคอมพิวเตอร์การส่งเสริมการอ่านนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนการส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้
ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาลึกปีการศึกษา 2551 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาลึก ปีการศึกษา 2551 ก่อนและหลังใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้
ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
3) ศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาลึก ปีการศึกษา 2551 ที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาลึก ปีการศึกษา 2551 จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาลึก ปีการศึกษา 2551 2) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้นวัตกรรม จำนวน 7 แผน 22 ชั่วโมงรวมทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน และชี้แจงบทเรียน-สรุปบทเรียน
3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านแบบอิงเกณฑ์ 3 ตัวเลือก แยกเป็นชุด ๆ ละ10 ข้อ มีค่าความยากง่าย 0.20 – 0.80 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.20 ค่าความเชื่อมั่นรายชุดมีค่าตั้งแต่ 0.77 – 0.92 และ แบบสอบถามวัดระดับความพึงพอใจมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ( Rating Scale ) จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (m ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (s ) และ การทดสอบค่า t
( t – test dependent)

(2) ผลการศึกษา พบว่า:
1. ประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาลึก ปีการศึกษา 2551 มีมาตรฐานสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 ( 85.30/83.40)
2. หลังใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาลึก ปีการศึกษา 2551 สูงขึ้น โดยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 ค่าคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนมีค่าเท่ากับ 39.67 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 4.64 ค่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนมีค่าเท่ากับ 31.33 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 5.94
3. ระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาลึก
ปีการศึกษา 2551 ที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การส่งเสริมการอ่าน สาระการเรียนรู้ภาษาไทยโดยภาพรวมและรายข้ออยู่ในระดับมากที่สุด

สำหรับข้อเสนอแนะที่สำคัญ ได้แก่
1. ก่อนนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไปใช้ต้องศึกษาเพื่อทำความเข้าใจให้ชัดเจน
ทั้งครูและนักเรียน โดยเฉพาะครูต้องชี้แจงและให้คำแนะนำให้เข้าใจก่อนที่จะลงมือเรียน และต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
2. ครูผู้สอนควรบันทึกปัญหา ข้อบกพร่องและข้อสงสัย ของนักเรียนไว้เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงบทเรียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
3. ครูควรมีการเน้นย้ำถึงความซื่อสัตย์ ความอดทน และความมีระเบียบวินัยของนักเรียนในระหว่างศึกษาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยตนเอง เพื่อผลประโยชน์ของผู้เรียนเอง
4. การเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ถึงแม้ว่าจะเป็นการเรียนด้วนตนเองก็ตาม ครูก็ยังมีบทบาทในการให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้น ครูควรดูแลตลอดการเรียนการสอน หรือคอยแก้ไขข้อผิดพลาดของนักเรียน ไม่ใช่ใช้คอมพิวเตอร์
ช่วยสอนแทนครู
5. การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนควรใช้ภาพและเสียงประกอบการเรียน ที่สื่อความหมายตรงตามความต้องการและความสนใจของผู้เรียน เพื่อให้บทเรียนน่าสนใจมากที่สุด

6. ผู้ที่เกี่ยวข้องเช่นผู้บริหารสถานศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดควรส่งเสริมให้ครูนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไปพัฒนาการเรียนการสอนให้มากยิ่งขึ้นโดยการนิเทศติดตามหรือจัดให้มีการอบรมการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนให้กับครู เพื่อกระตุ้นให้ครูได้พัฒนากระบวน
การเรียนการสอน อันส่งผลถึงความเจริญทางการศึกษาในอนาคต
7. การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) ควรเลือกเนื้อหาที่เหมาะสม และขนาดของบทเรียนไม่ควรมีจำนวนมาก เพราะการใช้เวลาในการเรียนนานเกินไปทำให้นักเรียนเกิดความเบื่อหน่ายได้
8. ควรมีการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) ในเนื้อหาหรือสาระวิชาอื่น ๆ เพื่อใช้เป็นสื่อช่วยพัฒนาการเรียนการสอน
9. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) กับวิธีสอนอื่น ๆ เช่น การสอนโดยใช้เกมการเรียนจากวีดีโอเกม ชุดการเรียน บทเรียนสำเร็จรูป หรือ แบบฝึกทักษะ เป็นต้น















(4)
กิตติกรรมประกาศ

รายงานการพัฒนานวัตกรรมครั้งนี้สำเร็จลุล่วง โดยได้รับความอนุเคราะห์ด้วยดีจากผู้มีพระคุณทุก ๆ ท่าน โดยเฉพาะนายศลใจ วิบูลย์กิจ
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสงขลา เขต 3 นายสงวน ศรีสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสงขลา เขต 2 นายชัย เหล่าสิงห์
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาลึก และ นายอำนวย ชูมาปาน ผู้อำนวยการโรงเรียนสะบ้าย้อยซึ่งได้ให้การสนับสนุนส่งเสริม สละเวลาให้คำปรึกษา และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงข้อบกพร่องต่าง ๆ ผู้ศึกษาขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
ขอขอบพระคุณ นายคมศักดิ์ ชื่นชม นางสาวพรศิริ กองนวล นางศิริญญา สุริยะวงศ์ นางกาญจนาจองเดิม และ นายกมลพันธ์ แก้วเชิด ที่ได้สละเวลาในการเป็นผู้เชี่ยวชาญพิจารณาตรวจสอบเครื่องมือในการศึกษา
ขอขอบคุณผู้อำนวยการ คณะครู และนักเรียนโรงเรียนอุทยานอุทิศ โรงเรียนสะบ้าย้อย ที่ให้การสนับสนุนในการทดลองใช้เครื่องมือ และ
ขอขอบคุณผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครู และนักเรียนโรงเรียนนิคมสร้างตนเองรัตภูมิ บ้านคลองเขาล้อน บ้านคลองกั่ว บ้านเกาะน้ำรอบ บ้านห้วยเต่า อุทยานอุทิศ บ้านมุนี บ้านทำเนียบ บ้านฉลุง และบ้านนาม่วง ที่ให้การสนับสนุนในการเผยแพร่นวัตกรรม
ขอขอบคุณคณะครู นักเรียนโรงเรียนบ้านนาลึก โรงเรียนสะบ้าย้อย ตลอดจนบุคลากรทุกท่านในโรงเรียนที่ให้ความร่วมมือ สนับสนุน
ช่วยเหลือและให้กำลังใจ และขอขอบคุณญาติพี่น้องตลอดจนเพื่อนฝูงทุก ๆ ท่านที่ให้การสนับสนุนและกำลังใจตลอดมา
ประโยชน์ที่พึงได้รับจากการศึกษาในครั้งนี้ ผู้ศึกษาขอมอบเป็นกตัญญุตาแด่ บิดา มารดา ครูอาจารย์ และผู้มีอุปการคุณทุกท่านที่มีส่วนสำคัญ
ต่อความสำเร็จในครั้งนี้


สุพิชญ์นันท์ ไชยพยันต์

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

รวมลิงค์ที่น่าสนใจ

http://www.manager.co.th/

http://mozart2002-today.blogspot.com

http://www.manager.co.th/

http://gotoknow.org/blog/computers-basic/254906

http://202.143.161.130/sk3/index.php

อีกหลายร้อยหมื่นพัน...ที่ครูนั้นแสนประทับใจ

อีกหลายร้อยหมื่นพัน...ที่ครูนั้นแสนประทับใจ
เรื่องที่ 2 ก้าวแรก...ของความเป็นครู


......."ครูบาฆูมาฆี"ก้าวแรกที่ครูได้ทำหน้าที่แม่พิมพ์ของชาติ ทุกสายตาใสซื่อบริสุทธิ์ ส่องประกายมาถึงครู
ลูกศิษย์ตัวน้อยๆมารายล้อมรอบตัวครู จนครูใหม่รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก ศิษย์ส่งเสียงเซ็งแซ่จนครูฟังไม่ได้ศัพท์ เพราะเป็นภาษาที่ครูไม่ค่อยคุ้นชินแต่ความรู้สึกรับรู้ได้ว่าศิษย์รักและตื่นเต้นกับครูคนใหม่เสียเหลือเกิน
วันแรกที่ได้ทำการสอนครูได้รับหน้าที่ให้สอนในระดับชั้นอนุบาลซึ่งนับว่าท้าทายความสามารถของครูยิ่งนัก เพราะครูต้องตีความหมายของภาษาและท่าทางอยู่ตลอดเวลา วันแรกก็รู้สึกท้อ เหนื่อย แต่ก็มีความสุขมากๆ สุขที่ได้ทำหน้าที่ของครู.....ครูผู้ให้ ให้ความรัก ความ ห่วงใย ความจริงใจ และความปรารถนาดีกับศิษย์ทุกๆคน
รุ่งเช้าของทุกวันศิษย์ตัวน้อยๆ จะยืนเกาะริมรั้วหน้าประตู สายตาแสนซื่อส่งประกายตื่นเต้นดีใจเมื่อครูขี่รถจักรยานยนต์มาถึง ทุกคนต่างวิ่งกรูมาเกาะแขนครูด้วยความดีใจ ความรัก ความห่วงใยที่ศิษย์ส่งผ่านมาทุกวี่ทุกวัน ทำให้ครูมีกำลังใจและคิดได้ว่าผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งเมื่ออยู่ในห้วงแวดล้อมของศิษย์ตัวน้อยๆเหล่านี้ก็มีค่าได้มากมายเช่นกัน ทุกครั้งที่ครูท้อใจ ไม่มีใครต้องการหรือไม่มีใครเห็นค่า...แต่ครูก็ไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวถ้ามีพวกหนูคอยอยู่เคียงข้างอย่างนี้..ตลอดเวลา ขอบคุณมากที่ทำให้ครูได้คิดและครูจะทำตัวเองให้มีค่ามากที่สุดให้สมกับคำว่า..ครู


อีกหนึ่งภาษา...ที่น่าเรียนรู้

บาฆู หมายถึง ใหม่
มาฆี หมายถึง มา
แกแจ๊ะ หมายถึง พูด


อยากส่งกำลังใจ....ให้ใครๆที่ท้อแท้
คติสอนใจ


*ถ้าเราเจองานหนักนั่นหมายถึง
โอกาสเตรียมพร้อมสู่มืออาชีพ*

*ถ้าเราเจอทุกข์หนัก
นั่นคือแบบฝึกหัด
ที่จะทำให้เราเกิดทักษะ*

$ถ้าเราเจอคำตำหนิ
นั่นคือการชี้ถึง
ขุมทรัพย์อันมหาศาล$

#ถ้าเราเจอคำนินทานั่นสะท้อนว่า
เรายังเป็นคนที่มีความหมาย#

&ถ้าเราเจอความผิดหวัง
นั่นคือวิถีทางที่ธรรมชาติ
พยายามสร้างภูมิคุ้มกัน&

@ถ้าเราเจอวิกฤตเราต้องคิดว่า
ในวิกฤตนั้นยังมีโอกาส@

#ถ้าเราถูกศัตรูกลั่นแกล้ง
เราต้องคิดว่าถ้ามารไม่มี
บารมีก็จะไม่เกิด#

@@@@@@@@@@@@@@@@@

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

หนึ่งในอีกหลายหมื่นพัน....ที่ครูนั้นแสนประทับใจ เรื่องที่1

หนึ่งในอีกหลายหมื่นพัน....ที่ครูนั้นแสนประทับใจ
เรื่องที่1


วันหนึ่งครูได้เจอไลลาอย่างบังเอิญ สิบหกปีที่ผ่านมาแววตาดุๆที่แฝงเร้นไปด้วยความจริงใจติดตาครูอยู่ตลอดเวลา เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆหน้าตาดุๆสามารถควบคุมเด็กห้องอนุบาลได้ทั้งห้องแม้แต่เด็กผู้ชายที่แสนดื้อและซุกซนอย่างอับดุลเลาะห์ยังสยบกับหล่อน ทุกครั้งที่ครูใหม่อย่างครูส่งภาษากับศิษย์ตัวน้อยๆในห้องไม่รู้เรื่อง แล้วศิษย์รุมอธิบายด้วยเสียงอันดังเซ็งแซ่ไลลาหรือลาวาตีตัวน้อยซึ่งสามารถฟังภาษาของครูได้ดีกว่าใครอื่น จะส่งเสียงดังเป็นภาษาของหล่อนเพื่อจะช่วยคุณครูปราบเพื่อน ทุกคนนั่งเงียบเป็นปลิดทิ้งครูทึ่งกับความสามารถของไลลาและแอบมั่นใจว่าต่อไปเด็กคนนี้จะมีอนาคตที่ดี ไลลาจะเป็นเด็กรักดีและมีน้ำใจมากมาย และเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ชอบช่วยเหลือและอาสาที่จะทำงานให้ครูโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ทุกครั้งที่ครูมาถึงโรงเรียนในตอนเช้าไลลาจะรีบวิ่งมาช่วยถือของในมือครูอย่างกุลีกุจอหลังจากนั้นจะไปชวนเพื่อนๆมาช่วยกวาดห้องอย่างขมีขมันโดยไม่ต้องมีใครใช้หรือไหว้วาน ครูเห็นความรักความหวังดีและจิตใจที่บริสุทธิ์ของศิษย์รักที่ส่งผ่านมาถึงครูทุกวี่ทุกวัน ครูเลยตั้งปณิธานไว้ในใจว่าครูจะรักจริงใจและสอนศิษย์ทุกคนให้ดีที่สุดด้วยจิตและวิญญาณของความเป็นครูที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
ความคิดของครูล่องลอยไปไกล ครูรีบดึงความคิดกลับมา ข้างหน้าครูเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนของครูในขณะนี้คือเด็กผู้หญิงคนนั้น คนที่ครูคิดถึงอยู่ตลอดเวลา ขณะนี้ไลลาเป็นเด็กหน้าตาจิ้มลิ้มอยู่ภายใต้ผ้าคลุมผมที่ปิดสนิทแต่ครูก็ยังเดาออกว่าหนูเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยมากสายตาสวยเผ็ดดุของหนูก็ยังเหมือนเดิมเคลือบแฝงไปด้วยความรัก จริงใจ และมีความมุ่งมั่นอยู่ในที
ครูรีบถามถึงสารทุกข์สุขดิบ สุดท้ายครูถามเรื่องการเรียน ไลลายิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจแล้วตอบครูด้วยเสียงดังฟังชัดเหมือนสิบหกปีที่ผ่านมาว่า "หนูเพิ่งกลับจากรายงานตัวค่ะครูหนูสอบพยาบาลได้" ครูรู้สึกเบาหวิวด้วยความภาคภูมิใจแทนไลลาพร้อมทั้งยังได้ยินเสียงไลลากล่าวต่อไปว่า"ครูเป็นผู้จุดประกายให้หนู ครูเคยบอกหนูกับเพื่อนๆว่าให้พวกหนูวิ่งตามฝันและฝันให้ไกล ไปให้ถึง วันนี้หนูตามฝันของหนูทันแล้วค่ะครูและคนที่หนูอยากเล่าให้ฟังมากที่สุดก็คือครู และหนูก็ได้เจอครูจริงๆด้วยหนูรู้สึกเหมือนฝันเลยค่ะ" ครูงงอย่างบอกไม่ถูกเด็กอนุบาลคนหนึ่งฝังใจกับคำสั่งสอนของครูและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไปตามทางแห่งฝันนั้นจนประสบความสำเร็จ ครูรู้แค่นี้ครูก็รู้สึกดีใจและตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก สิบหกปีที่ผ่านมาแค่ครูใหม่คนหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นค่าของตนเองไม่เคยมีความหมายกับใครเท่าไรนักแต่คำพูดแค่สองสามประโยคสามารถทำให้เด็กอนุบาลน้อยๆหลายคน พยายามยึดคำสั่งสอนและวิ่งไปให้ถึงฝั่งฝันที่ตนวาดหวังไว้จนประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม
นี่แหละ..เพราะครู..คือครู ครูคือผู้ให้และผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ สร้างชีวิตและจิตวิญญาณที่ดีให้เกิดขึ้นกับศิษย์น้อยๆ
เรือจ้างลำนี้ ถึงแม้จะไม่มีราคาค่างวดอะไรมากมาย แต่ก็สามารถแจวฝ่าอุปสรรคขวากหนามจนนำพาศิษย์ขึ้นฝั่งปีแล้วปีเล่า เจอฝน เจอพายุที่โหดร้าย เจอตอไม้ทิ่มแทงเรืออย่างไรก็ไม่หวั่น ทั้งๆที่บางครั้งช้ำสุดช้ำ ร้องเกินร้อง ท้อจนไม่อยากลุก แต่...เมื่อหันไปมองผู้โดยสารที่นั่งตาใสแจ๋วมองมาด้วยความรักจริงใจและเชื่อมั่นเรือลำเดิมเลยต้องจำใจฝืนจ้ำพายต่อไปอย่างไม่กลัวเกรง เพียงเพื่อผู้โดยสารใสซื่อบริสุทธิ์เหล่านั้นจะถึงฝั่งฝันได้อย่างดีปลอดภัยที่สุด

จบเรื่องที่ 1 ขอบใจมากจ้ะไลลาศิษย์รัก


อีกหนึ่งภาษา...ที่น่าเรียนรู้

ฆี หมายถึง ไป
ฆีกานอ หมายถึง ไปไหน
สกอเราะฮ์ หมายถึง โรงเรียน

* หมายเหตุ ผู้เขียนอาจจะเขียนผิดไปบ้างต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย เพราะผู้เขียนได้เขียนตามน้ำเสียงที่ได้ยินมา*

หนึ่งในอึกหลายหมื่นพัน....ที่ครูนั้นแสนประทับใจ

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สิบหกปีที่...... แจวเรือ
จากเสี้ยวหนึ่งความรู้สึกที่ลึกล้ำ
เฝ้าตอกย้ำคำว่าครูผู้สั่งสอน
รักด้วยใจห่วงใยเจ้าเฝ้าอาวรณ์
ศิษย์ทุกข์ร้อนครูปัดเป่าทุกเช้าเย็น
เพียงอยากให้ใส่ความรู้คู่ความรัก
มิเคยจักเรียกร้องต้องได้เห็น
เพียงเพราะให้เพราะอยากให้ไม่ลำเค็ญ
ขอศิษย์เป็นเพียงคนดีแค่นี้พอ
เรือเก่าแจวเหมือนเรือจ้างกลางน้ำหลาก
แม้นทุกข์ยากลำบากใจไม่ร้องขอ
ลุยฝ่าคลื่นฝืนสู้ไปไม่รีรอ
น้ำตาคลอหนาวเหน็บเจ็บจำทน
ศิษย์มากมายนั่งเรียงรายหมายขึ้นฝั่ง
ครูมิยั้งยังจ้ำมาฝ่าสายฝน
ครูจะส่งตรงฝั่งฝันทันทุกคน
แม้นเหนื่อยจนแทบขาดใจก็ไม่กลัว

ครูขา.....ลูกไม่อยากให้ครูเดินคนเดียว

ครูขา
........วันเสาร์ที่ผ่านมาครูได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านหนูๆ ครูอยากไปให้ทุกหลังแต่ก็จำกัดไปด้วยเวลาและเหตุการณ์ ใช่สิ ครูเป็นครูคนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงมากครูอยู่ในแถบสี่อำเภอในจังหวัดสงขลา อันตรายก็เหมือนๆกับเพื่อนครูในสามจังหวัดภาคใต้นั่นแหละ แต่ทำไมครูต้องไปเยี่ยมบ้านพวกหนูเหรอะ (ทั้งๆที่ครูสามารถจะฝากข้อมูลให้ผู้ปกครองหนูกรอกมาให้ครูก็ได้ แต่ ครูไม่ทำอย่างนั้น) ที่ทำทั้งหมดก็แค่เพียงครูอยากบอกให้หนูรู้ว่าความรู้สึกของครูอย่างพวกครูคืออะไร คือรัก ห่วงใย จริงใจ และหวังดีกับหนูด้วยใจที่บริสุทธิ์จริงๆ ครูอยากบอกพวกหนูทุกคนว่าครูรักพวกหนูมากมายแค่ไหน ครูก็เหมือนแม่ของพวกหนูคนหนึ่งที่เฝ้ารักห่วงใยหนูมากๆเหมือนกับที่ครูรักและห่วงใยลูกครูไงล่ะ
.........ระยะทางที่ไปบ้านพวกหนูก็ค่อนข้างอันตรายเป็นอย่างยิ่งครูได้แต่ภาวนาไหว้พระสวดมนต์ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครอง ครูไม่เคยพกพาอาวุธสิ่งที่ครูพกพาอยู่ตลอดเวลาคือความดีที่ครูได้สรรค์สร้างและปลูกฝังให้กับพวกหนูๆ เมื่อไปถึงบ้าน พวกหนูวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังครูเป็นสิบๆคน ครูเห็นแล้วครูรับความรู้สึกได้ถึงความรักที่พวกหนูส่งผ่านมา น้องปอหนึ่งคนหนึ่งเอื้อมมือมากอดเอวครูแล้วบอกครูว่า ครูขา..ลูกเดินเป็นเพื่อนครูค่ะ ทุกคนที่เหลือประสานเสียงพร้อมกันว่า ลูกด้วยค่ะ ลูกไม่อยากให้ครูเดินคนเดียวค่ะ น้องปอสองเอื้อมมือมารับกระเป๋าถือของครูแล้วพูดว่าครูขาลูกถือให้ค่ะ ครูส่งให้หนูไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง อีกคนรีบพูดตามขึ้นว่าครูขาลูกถือหมวกให้ค่ะ เพราะเขาเห็นครูกระเดียดหมวกไว้ด้านซ้ายกระเดียดเอกสารไว้มือขวาพะรุงพะรัง ครูยื่นให้หนูอีกหนูรีบหยิบไปด้วยความภาคภูมิใจที่สามารถช่วยเหลือครูได้
...........ทุกบ้านทุกหลังต้อนรับครูด้วยน้ำใจที่ดีที่สุด เลือกสิ่งที่ดีที่สุดมาคอยต้อนรับครู ขนมนมเนย ผลหมากรากไม้นานาชนิด ครูอิ่มมาก แต่ที่อิ่มที่สุดคือใจที่อิ่มเอิบ ครูรู้ทุกคนยากจนแถมยังมากด้วยแต่ทุกคนไม่ยอมจนกับคำว่าน้ำใจ ครูเดินไปสิบกว่าหลังฝนเทลงมาอย่างหนักหนูๆรีบจับมือครูแล้วลากให้วิ่งเพื่อจะหลบฝนแต่ยังอีกไกล ลูกกคนที่ถือหมวกรีบส่งหมวกมาให้แล้วพูดเสียงดังว่า เร็วครู สวมหมวก ลูกกลัวครูไม่สบาย ครูรีบถามกลับไปด้วยความซาบซึ้งอีกหนว่า แล้วลูกล่ะ เขารีบตอบกลับมาว่า ลูกตากฝนบ่อยลูกไม่เป็นอะไรหรอกค่ะแต่ลูกกลัวครูจะไม่สบาย ครูหันไปรับหมวกแต่ครูไม่สวมหรอกลูก ถ้าหนูไม่สบายครูก็ยอมไม่สบายเป็นเพื่อนหนูนะลูกรักของครู

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เพราะครู...คือครู

จากใจครู....ถึงใจศิษย์
สิบหกปีที่ผ่านแม้นานนัก ก็ยังรักห่วงใยในศิษย์น้อย
ครูเพียงหวังตั้งใจใช่เลื่อนลอย เพียงศิษย์น้อยเป็นคนดีอย่างที่เป็น
ไม่จำเป็นต้องสูงเลิศประเสริฐยิ่ง แค่ทำสิ่งดีดีมีให้เห็น
เป็นคนดีเพียรทำไปไม่ยากเย็น แค่นี้ก็โดดเด่นในสายตา
สักวันหนึ่งจะประสบสิ่งที่หวัง ขอพลังความดีที่ใฝ่หา
ทุกข์ระทมหายไปในพริบตา สุขถ้วนหน้าดีถ้วนล้วนเจริญ