เหรียญนี้...ที่ครูให้
เมื่อครูได้ทราบข่าวจากเขตพื้นที่การศึกษาว่าศิษย์น้อยๆของครูได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนไปแข่งขันทักษะทางด้านวิชาการกลุ่มสาระวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรม E-book ช่วงชั้นที่ 2 ระดับภาคที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ความรู้สึกตื่นเต้นประหม่ากดดันและเครียดประเดประดังกันมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ขึ้นชื่อว่าครูแล้วต้องสามารถและทำได้ทุกอย่างถึงแม้ว่าตัวครูเองจะจบแค่ปริญญาตรีวิชาเอกภาษาไทยก็ตามที วันที่เดินทางไปเข้าแข่งขันครูรู้สึกเครียดอย่างบอกไม่ถูก เมื่อครูนำนักเรียนเข้าไปทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวกันและสอบถามกันเป็นการใหญ่เพราะศิษย์รักของครูทั้งสามคนเป็นนักเรียนแค่ชั้น ป.4 เป็นทีมที่อายุอ่อนสุดและตัวเล็กกว่าใครเพื่อน (ช่วงชั้นที่ 2) ครูที่ปรึกษาของทีมอื่นๆจึงได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ หลายๆทีมนำอุปกรณ์เสริมหลากหลายชนิดมา แต่ตัวครูเองไม่ทราบเพราะไม่เคยเข้าร่วมแข่งขันจึงไม่ได้นำอะไรมาเลย(เอามาแต่ตัวโปรแกรมที่เข้าแข่งขัน) ใจของครูเริ่มห่อเหี่ยวแต่ก็พยายามฝืนยิ้มให้ศิษย์ด้วยหน้าตาที่คิดว่าสดใสที่สุดเท่าที่จะทำได้ ศิษย์ทั้งสามหันมายิ้มตอบด้วยความมั่นใจ เมื่อแต่ละเครื่องลงโปรแกรมและทำงานไปได้ประมาณ 15 นาที กรรมการท่านหนึ่งเดินสะดุดปลั๊กเครื่องคอมของทีมศิษย์ของครู(ครูนั่งดูจากตู้กระจกซึ่งสามารถมองเห็นด้านหลังของคอมพิวเตอร์ทุกตัว) ใจของครูหล่นวูบไปตามกระแสไฟฟ้า กรรมการท่านที่สะดุดไม่ได้หันมามองดูในสิ่งที่ตนกระทำและเดินผ่านเลยไป ครูและแม่กา(แม่ของน้องกั๊ก)ยืนมองด้วยใจกระสับกระส่ายเวลาผ่านเลยไปสิบนาทีครูกับแม่กามองหน้ากันแล้วครูรีบตัดสินใจเคาะกระจกขออนุญาตเข้าไปในห้องแข่งขัน ครูเรียนให้กรรมการทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น กรรมการจึงทำการแก้ไขให้อย่างเร่งด่วน ศิษย์น้อยๆของครูเริ่มต้นลงโปรแกรมและทำงานใหม่อย่างตั้งใจทุกครั้งที่ครูและแม่กาหันไปมองด้วยความเป็นห่วง ศิษย์ทั้งสามรีบยกนิ้วทำท่าสู้ตายให้ครูดูพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานสุดขีดมาให้ครูอย่างประจบประแจง ครูหันไปมองหน้าแม่กาและยิ้มให้กันด้วยน้ำตาคลอเบ้า ศิษย์รักของครูรู้ไหมจ๊ะครูแอบให้เหรียญทองจากใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ลูกเจอปัญหาแล้วล่ะ ถึงแม้วันนี้ลูกจะไม่ชนะใคร แต่ลูกชนะใจครูตลอดเวลา สักพักกรรมการท่านเดิมเดินผ่านเครื่องของทีมศิษย์ของครูและสะดุดคอมไปแรงๆอีกหนึ่งครั้ง ครูและแม่การีบยกมือพนมอย่าให้คอมดับอีกเลยคราวนี้เกิดปาฏิหารย์คอมไม่ดับเหมือนครั้งแรกครูและแม่กาจึงโล่งอกไปตามกัน พอลูกๆทำงานไปประมาณชั่วโมงครึ่ง(กรรมการให้เวลาทำงานทั้งหมดสามชั่วโมง) ลูกๆส่งสัญญาณบอกใบ้ครูและแม่กาว่าลูกทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้ save ครูและแม่การีบยกหัวแม่มือชมลูกว่าเก่งลูกๆยิ้มร่าด้วยความดีใจภายในเสี้ยววินาทีคอมของลูกดับวูบไปพร้อมๆกับทีมพัทลุง ครูเหลือบตาไปมองดูนาฬิกาด้วยนำตาคลอเบ้าพร้อมที่จะไหลลงมาสู่ร่องแก้มได้ตลอดเวลา เวลายังเหลืออีกแค่หนึ่งชั่วโมงกับยี่สิบนาที ลูกๆจากทีมพัทลุงตกใจลนลานมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูกเพราะข้อมูลหายเกลี้ยง ลูกศิษย์ตัวน้อยของครูหน้าซีดเผือดเพราะข้อมูลหายเกลี้ยงเช่นกัน ครูหันไปส่งสัญญาณว่าไม่เป็นไรและให้สู้ตายไม่ต้องกลัวลูกยิ้มให้ครูอีกครั้งด้วยสายตาอ้อนวอนครูรู้ว่าลูกต้องการกำลังใจทั้งๆที่ครูและแม่กาน้ำตานองหน้าครูรีบวิ่งเข้าไปในห้องแข่งขันแล้วรีบเรียกคืนความมั่นใจให้ลูกๆ โดยเรียนให้กรรมการท่านทราบ ขอต่อเวลาและขอเปลี่ยนเครื่องใหม่ กรรมการไม่ได้พูดอะไรกับครูได้แต่เชิญให้ครูออกจากห้อง เมื่อครูออกมาพ้นห้องครูหันไปดูอีกทีกรรมการท่านเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้แต่หน้าจอคอมหันหน้าเข้าฝาผนังอีกด้านหนึ่งคราวนี้ครูไม่อาจทราบได้ว่าลูกทำงานเป็นเช่นไรครูกับแม่กาก็ได้แต่ภาวนากันในใจ เมื่อลูกลงโปรแกรมเสร็จลูกทั้งสามหันมายิ้มให้ครูและแม่กาพร้อมทั้งเริ่มทำงานกันอย่างรวดเร็วและฉับไว ครูและแม่กาตกใจน้ำตาครูไหลย้อนกลับเข้าข้างในโดยไม่อยากให้ใครรับรู้ ครูหันไปปลอบแม่กาว่าครูมั่นใจว่าลูกๆของครูทำงานเสร็จทันเวลาอย่างแน่นอน (ครูไม่ได้แค่ปลอบแต่ครูมั่นใจในตัวหนูจริงๆนะลูกรัก) ลูกทำงานไปสักพักใหญ่ๆแล้วหันมาทำมือสู้ตายพร้อมทั้งยิ้มสดใสแบบคนสู้ให้ครูดูทั้งสามคน ครูกับแม่กาหันมายิ้มกันอีกครั้งพร้อมทั้งน้ำตาที่ชุ่มตาอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่ครูหันไปมองลูก ลูกๆส่งผ่านความรักและกำลังใจให้ครูตลอดเวลาจนครูต้องแอบเพิ่มเหรียญให้ลูกอีกเป็นร้อยๆเหรียญ ครูคิดว่าความรัก กำลังใจ ความสามัคคีและความปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะแต่งเติมชีวิตคนให้เป็นคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ เหลือเวลาอีกประมาณสิบนาทีลูกชูมือไชโยแบบไร้เสียงให้ครู ครูและแม่การีบทำท่าตบมือยินดีให้กับลูกๆ ลูกๆทำท่าทางเต้นยึกยักด้วยความสบายใจและดีใจ ลูกขออนุญาตออกจากห้องแข่งขันครูพยักหน้ารับ เมื่อออกจากห้องลูกๆรีบวิ่งเข้ามาสวมกอดครูและแม่กาพร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่แข่งขันว่าง่ายและสามารถทำได้อย่างดีครูที่ปรึกษาทีมอื่นๆหันมามองและยิ้มให้ ครูรีบออกตัวและหันไปบอกพวกเขาว่าลูกดีใจที่ทำเสร็จทันเวลา เมื่อครูกลับมาถึงบ้านจึงได้ทราบข่าวว่าศิษย์คนเก่งของครูได้เหรียญทองแดงพวกเราดีใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้เหรียญทองที่ใครๆปรารถนาลูกศิษย์ของครูจะไม่ได้มาแต่เหรียญทองที่ครูมอบให้จากใจจากความรู้สึกของครูคนหนึ่งที่เห็นศิษย์ต้องฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคมากมาย และสุดท้ายครูและศิษย์คอยส่งผ่านความรักและกำลังใจให้แก่กันและกันอยู่ตลอดเวลา สายตาเศร้าๆที่ครูเห็น อารมณ์ที่ลูกๆตื่นเต้น เสียใจ และดีใจมันตรึงแน่นอยู่ในความทรงจำจนยากที่จะลืมเลือนไปจากใจของครูได้
ขอบคุณน้องกั๊ก น้องเหยี่ยว น้องบีม และแม่กา มากๆเลย
ด้วยรัก.........จากครูองุ่น
วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 14:00 1 ความคิดเห็น
วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552
แด่.....พ่อหลวงของปวงชน
ภาพพ่อหลวงเสด็จตามสถานที่ต่างๆ ทรงบุกป่าฝ่าดงถนนหนทางก็แสนจะลำบากยากเข็ญ ภาพเหงื่อที่ทรงท่วมพระวรกายและไหลลงสู่พระนาสิก ภาพพระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปรับดอกไม้เหี่ยวๆของคุณยายท่านหนึ่ง ภาพพระองค์ทรงเหนื่อยแล้วทรงนั่งพิงรถยนต์ที่ทรงประทับ ทุกภาพบอกเล่าถึงความรู้สึกที่ติดแน่นและซาบซึ้งอยู่ในความทรงจำของดิฉันตลอดเวลา ดิฉันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย พระองค์ทรงเป็น King of the kings in the world ซึ่งไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดเทียบเท่าพระองค์ได้เลย ทุกครั้งที่ดิฉันทราบข่าวว่าพระองค์ท่านทรงไม่สบาย ดิฉันก็คงเหมือนพสกนิกรของพระองค์ทุกคนคือเป็นห่วงพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ไม่อยากให้พระองค์ไม่สบาย ไม่อยากให้พระองค์เจ็บป่วย ความเจ็บของพระองค์คือความเจ็บของพวกเราลูกๆ(ในแผ่นดิน)ของพระองค์ด้วย ทุกๆคืนดิฉันได้แต่ภาวนาไหว้พระสวดมนต์อ้อนวอนต่อเทพเทวดาฟ้าดินและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้ปกป้องคุ้มภัยพระองค์และให้พระองค์จงทรงมีพระชนม์มายุยิ่งยืนนานเป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรชาวไทยตราบนานเท่านาน ดิฉันอยากบอกพ่อหลวงว่าพวกเรารักและเทิดทูลพระองค์ยิ่งกว่าชีวิตของพวกเราเอง ไม่ว่าพระองค์จะเป็นอะไรดิฉันคนหนึ่งละที่ยอมสละให้พระองค์ได้แม้แต่ชีวิตของดิฉันเอง และดิฉันเชื่อมั่นว่าพสกนิกรทุกคนของพระองค์ก็คงคิดเหมือนที่ดิฉันคิด
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 21:12 4 ความคิดเห็น
วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552
เพราะพ่อ......คือพ่อ
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 22:21 2 ความคิดเห็น
รู้สึกดี...ที่มีพ่อ
เคยเหนื่อยล้าหลายคราครั้งทั้งเติบใหญ่
พ่ออุ้มชูรักห่วงใยไม่แปรผัน
มือแห้งเหี่ยวคอยเหนี่ยวรั้งฟังรำพัน
ลูกโศกศัลย์พ่อเจ็บแปลบแสบถึงทรวง
พ่อคือผู้ยิ่งใหญ่ในใจลูก
เจ็บที่ถูกทำมาอย่าห่วงหวง
เพียงเป่ามนต์บนแผลคลายหายทั้งปวง
ลูกอย่าห่วงพ่อช่วยได้ไม่ต้องกลัว
ทุกคราครั้งนั่งข้างพ่อขอกอดแขน
อบอุ่นแน่นไม่กลัวเกรงนักเลงชั่ว
เมื่อจำจากพรากพ่อไปใจระรัว
ความขลาดกลัวเริ่มเกาะกินจนสิ้นแรง
อยากบอกรักสักหมื่นครั้งพ่อยังอยู่
ให้พ่อรู้ก่อนจิตดับลับอ่อนแสง
รักที่ลูกมีให้ไม่เปลี่ยนแปลง
ทุกหนแห่งพ่อเคียงข้างมิห่างใจ
เขียนโดย ครู องุ่น ที่ 15:24 0 ความคิดเห็น